การให้บริการ VPN นั้นต้องใช้เงิน การเปิดเซฺิร์ฟเวอร์เพื่อให้บริการในหลายประเทศอย่างต่อเนื่องนั้นใช้ค่าใช้จ่ายสูง ดังนั้นลองพิจารณาดู หากพวกเขาไม่คิดค่าบริการในการใช้งานจากคุณ พวกเขาจะจ่ายค่าใช้จ่ายเหล่านี้อย่างไร?
เมื่อทำการเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการ VPN แล้ว พวกเขาจะใช้คอมพิวเตอร์ของคุณเพื่อให้บริการแบนด์วิธอื่น ซึ่งจะทำให้คอมพิวเตอร์ของคุณช้าลง เนื่องจากแบนด์วิธและโปรเซสเซอร์ของคุณนั้นจะถูกใช้โดยผู้ใช้รายอื่น นอกจากนี้ หากผู้ใช้ดังกล่าวใช้คอมพิวเตอร์ของคุณไปทำรายการที่ผิดกฏหมาย คุณอาจจะตกเป็นผู้รับผิดไปด้วย
บางบริษัทจะทำการเก็บสะสมข้อมูลการเข้าเว็บของคุณ รวมไปถึงประวัติการใช้แอพ, สิ่งที่คุณซื้อผ่านทางออนไลน์ และใช้เพื่อประโยชน์ของตนเอง หรือขายให้กับบริษัทที่นำไปใช้เพื่อการโฆษณา
ผู้ให้บริการบางรายจะปรับเปลี่ยนโค้ด VPN เพื่อให้แสดงโฆษณา และพวกเขาจะเฝ้าดูการใช้งานของคุณเพื่อแสดงโฆษณาตามการเข้าเว็บของคุณ อย่างไรก็ตาม บางครั้งโค้ดก็อาจจะใกล้เคียงกับมัลแวร์ซึ่งอาจจะลบออกจากคอมพิวเตอร์ของคุณยาก
บริษัทที่ไม่ดีอาจจะสวมรอยเป็นผู้ให้บริการ VPN ฟรี ซึ่งจะทำให้พวกเขาสามารถเฝ้าดูกิจกรรมต่างๆของคุณและอาจจะเข้าถึงบัญชีผู้ใช้ของคุณ รวมถึงข้อมูลธนาคารต่างๆ ได้
1 เดือน
2 ปี
1 ปี
When new users decide they need a VPN, free vs paid is often the next decision that they come to. A quick search of the Google Play Store or the Apple iOS store reveals many many free VPN apps; versus a paid VPN service, they all leave something to be desired. There are some similarities in paid vs free VPNs, but the differences are important to consider. Both types of VPN services allow users to connect to a VPN Paid VPN services only allow paid subscribers to connect to their VPN while free VPN services allow anybody to connect to their VPN.